เชื่อว่าหลายคนเคยเห็นสกู๊ตเตอร์หรือมอเตอร์ไซค์ที่หน้าตาคล้ายๆแบบนี้ และอาจจะมองเห็นเป็นแบรนด์อื่น หรือไม่ได้สังเกตว่าเป็นของแบรนด์อะไร นี่คือ มอเตอร์ไซค์ Lambretta V200 จากประเทศอิตาลี ภายนอกของ Lambretta V200 สวยงาม ย้อนยุค คลาสสิค มีเสน่ห์ บอกเลยว่าเบื้องหลังและความเป็นมาของ Lambretta นั้นลึกซึ้ง น่าค้นหายิ่งกว่านั้น คุณอาจมองแบรนด์นี้เปลี่ยนไปเลยก็เป็นไปได้ คงสงสัยกันแล้วใช่ไหมว่าจะมีอะไรให้เราว้าวกันบ้าง เราจะมาเล่าให้ฟังในบทความนี้เอง
ต้นกำเนิดความคลาสสิคของ มอเตอร์ไซค์ Lambretta
ก่อนอื่นต้องย้อนไปทำความรู้จัก Lambretta ก่อนว่า เกิดขึ้นเมื่อไหร่ และเกิดขึ้นมาได้ยังไงย้อนกลับไปในค.ศ. 1947 สมัยสงครามโลกครั้งที่2 Ferdinando Innocenti ผู้ก่อตั้ง Lambretta ได้เปิดโรงงานผลิตท่อเหล็กในเขต Lambrate ของมิลานทางตอนเหนือของอิตาลี โดยผลิตชิ้นส่วนประกอบให้กับกองทัพอากาศอิตาลี หลังสงคราม Innocenti ต้องหาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อให้ธุรกิจของเขาอยู่รอด ด้วยแรงบันดาลใจจากรถสกู๊ตเตอร์ Cushman ที่กองทัพสหรัฐฯ นำเข้ามาในอิตาลี เพื่อเป็นการส่งข้อมูลจากแผนกหนึ่งไปยังอีกแผนกหนึ่งและเพื่อขนส่งทหารแต่ละคนไปรอบๆ ฐานทัพ Innocenti ตระหนักว่าเขาสามารถนำชิ้นส่วนส่วนใหญ่ที่โรงงานได้ผลิตไปแล้วไปปรับใช้ในการผลิตรถสกู๊ตเตอร์ได้
เขาเห็นว่าสกู๊ตเตอร์สร้างความคล่องตัวให้กับการเดินทางของคนทั่วไป การคมนาคมขนส่งที่สนุก เชื่อถือได้ ราคาสบาย และปฏิวัติการออกแบบ เป็นแนวคิดสุดแสนจะอัจฉริยะที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนอิตาลีจำนวนมากและทั่วโลก ในการทำให้ Lambretta น่าดึงดูดยิ่งขึ้น เขาเสนอสกู๊ตเตอร์ในหกสีพาสเทล ทำให้เขาก้าวล้ำหน้ามอเตอร์ไซค์อิตาลีอีกก้าวหนึ่ง และในช่วงปลายทศวรรษ 1940 รถสกู๊ตเตอร์ Lambretta ก็ได้จำหน่ายในต่างประเทศ Innocenti กลายเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่แห่งใหม่ของอิตาลีหลังสงคราม และตำสกู๊ตเตอร์ได้เริ่มต้นจากตรงนั้น
ความนิยมของสกู๊ตเตอร์หรือมอเตอร์ไซค์ Lambretta เริ่มลดลงเมื่อคนทั่วไปสามารถมีรถยนต์เป็นของตัวเองได้ง่ายขึ้น แต่ก็กลับมานิยมอีกครั้งในช่วงทศวรรษที่ 60 เมื่อคนวัยรุ่นหนุ่มสาวในลอนดอนที่มีความรักในแฟชั่นอิตาลีหลงเสน่ห์สกู๊ตเตอร์ ที่รู้จักกันในนาม Mods พวกเขาได้ให้ Lambretta เป็นไอคอนหรือสัญลักษณ์สำหรับวิถีชีวิตของพวกเขา หนึ่งในวงดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคนี้ The Who มีอิทธิพลอย่างมากต่อวัฒนธรรม Mods
สกู๊ตเตอร์ Lambretta ยังคงผลิตในอิตาลีจนถึงปี 1971 นอกจากนี้ยังผลิตภายใต้ใบอนุญาตในฝรั่งเศส เยอรมนี สเปน อินเดีย บราซิล โคลอมเบีย และอาร์เจนตินา ทำให้ มอเตอไซค์ Lambretta กลายเป็นแบรนด์ระดับโลก ในปี 1972 รัฐบาลอินเดียได้ซื้อสิทธิ์ในชื่อ Lambretta เพื่อสร้าง Scooters India Limited อีกด้วย
เสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ของ Lambretta ที่ไม่ธรรมดา
ความเป็นมาของ Lambretta เรียกได้ว่าไม่ธรรมดาเลยจริงๆ นอกจากเรื่องราวจะทำให้พิเศษแล้ว เรามาดูรายละเอียดเกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์ Lambretta กันบ้างดีกว่ามันมีเสน่ห์อะไรซ่อนอยู่อีก
ในช่วงที่มอเตอร์ไซค์ Lambretta ถูกเริ่มผลิตตอนสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นได้มีการผลิตออกมาหลายรุ่นมากมาย และการผลิตในแต่ละรุ่นจะถูกเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ A B และ C เรียงตามกันไป โดยรูปทรงของตัวถัง เครื่องยนต์ ในสมัยนั้นๆ จะมีความไม่เหมือนกับสมัยปัจจุบันอยู่บ้างบางส่วน แต่ Lambretta ก็ยังคงรักษาเอกลักษณ์เดิมเอาไว้ซึ่งลักษณะจะเป็นแบบ ล้อที่มีขนาดเล็ก เหมือนสกู๊ตเตอร์ทั่วไปในปัจจุบันนี้
จากอดีตถึงปัจจุบัน สู่ความคลาสสิคร่วมสมัย
มอเตอร์ไซค์ Lambretta มีเครื่องยนต์ขนาด 123 cc โครงเป็นแบบท่อเหล็กรอบคัน ถังน้ำมันจะถูกจัดวางอยู่ด้านบนเครื่องยนต์และเบาะนั่งจะอยู่ทับถังน้ำมันอีกที ซึ่งจะลักษณะแบบนี้ถูกเรียกว่าแบบ Model A และ B ซึ่งถือเป็นรุ่นต้นแบบหรือรุ่นแรกสุดของ Lambretta
หลังจากนั้นก็ได้ทยอยผลิตรุ่นอื่นๆตามออกมาเรื่อยๆ และได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบและพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นไปในแต่ละรุ่น ซึ่งบอกได้ว่ามีหลายรุ่นมากๆ เช่น C, D ,LD, E, F, TV Series 1-4, Li Series 1-3, J Range และรุ่น Model V-Special ที่เป็นรุ่นล่าสุดที่ Lambretta ได้ผลิตออกมาเมื่อปี 2017 ซึ่งรุ่น Model V-Special นี้เองก็ได้เข้ามาขายในประเทศไทยครั้งแรกเมื่อปี 2019 ได้มีจำหน่ายทั้งหมด 2 รุ่นคือ Lambretta V200 ราคา99,500 และ Lambretta V125 ราคา 88,500 ซึ่งเราอยากแนะนำในรุ่น V200 ให้ทุกคนได้รู้จักกัน จะสเปคยังไงกันบ้าง มาอ่านไปพร้อมกันเลย
มอเตอร์ไซค์ Lambretta V200 ใช้เครื่องยนต์ขนาด 164 cc ให้พลังสูงสุดอยู่ที่ 7,600 รอบต่อนาที แรงบิด 10.2 นิวตันเมตร ระบายความร้อนด้วยระบบหมุนเวียนกาศ ถังน้ำมันจุเต็มถังที่ 7ลิตร ใช้ระบบสตาร์ทไฟฟ้าด้วยมือ ตัวโครงถังผลิตจากวัสดุเหล็กพิเศษ ซึ่งคานโครงเหล็กตรงกลางทำจากเหล็กที่มีความหนา 1.2 มิลลิเมตร และมีโครงสร้างแผ่นเหล็กขยายความยาวออกมาด้านข้างเสริมความแข็งแรงให้กับตัวรถได้เป็นอย่างดี ระบบเบรกแบบ CBS (Combi Brake System) ที่จะ ช่วยในการถ่ายเทแรงเบรก ให้ผู้ขับขี่ได้มั่นใจมากขึ้น และเก็บของได้เยอะด้วยช่องเก็บของอเนกประสงค์พื้นที่ 6ลิตร จะขับไปเที่ยวหรือไปทำงานใกล้ไกลแค่ไหนก็เหมาะกับทุกสถานการณ์ แถมยังดูมีรสนิยมอีกด้วย เพราะมีสีให้เลือกสามสี แดง ดำ ขาว ตามสไตล์ของแต่ละคน และมีศูนย์บริการ 6 สาขาครอบคลุมทั้งกรุงเทพฯ และ 33สาขาครอบคลุมทั่วประเทศไทย
เป็นยังไงกันบ้าง ได้ฟังทั้งเรื่องราวความเป็นมา เสน่ห์ และเอกลักษณ์ของเจ้าคันนี้ไปแล้ว คุณตกหลุมรัก มอเตอร์ไซค์ Lambretta V200 แล้วหรือยัง ไม่ว่าจะตัดสินใจแล้ว หรือยังลังเลใจอยู่ สามารถเข้าไปหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ official lambretta
เครดิต : lambrettaallride.com, lambretta.co.th
อ่านบทความ : มอเตอร์ไซค์ Vespa Sprint S 150 สกู๊ตเตอร์ลุคสปอร์ต ขวัญใจวัยรุ่นยุค 2022