มีหลายคนที่ขับขี่รถเป็นประจำ แต่ไม่เคยรู้เลยว่าใบขับขี่หมดอายุแล้ว บางคนอาจจะหมดนานเป็นปีแล้วด้วย มารู้ก็ตอนโดนตำรวจจราจรเรียกตรวจ หรือเมื่อใช้แทนบัตรประชาชนในสถานที่ต่างๆ แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ก็อาจจะทำให้หลายคนเกิดความสงสัยอยู่ว่าต้องต่อใบขับขี่ยังไง สามารถทำแบบออนไลน์ได้หรือไม่ ในบทความนี้เรามีคำตอบมาให้คุณแล้วค่ะ
1.จองคิวต่อใบขับขี่ก่อนเป็นอันดับแรก
เมื่อใบขับขี่หมดอายุ สิ่งแรกที่คุณต้องทำก็คือการจองคิวทำใบขับขี่ ในส่วนนี้ขออธิบายเพิ่มเติมไว้เลยว่า เป็นกฎของกรมการขนส่งทางบกที่ต้องการไม่ให้เกิดความแออัดมากเกินไป ถึงแม้ว่าคุณจะทำใบขับขี่เป็นครั้งแรก หรือต่อประเภทอื่นๆ ก็ต้องมาจองคิวเช่นเดียวกันหมด วิธีการจองสามารถทำได้ผ่าน 3 ช่องทางดังต่อไปนี้
1.1 จองผ่านเว็บไซต์ออนไลน์
วิธีนี้ถือเป็นการจองคิวเพื่อต่อใบขับขี่หมดอายุที่ง่ายและสะดวกที่สุดในเวลานี้แล้ว สามารถจองผ่านเว็บไซต์ gecc.dlt.go.th หรือจะโหลดแอปพลิเคชั่น DLT Smart Queue ที่ใช้ได้ทั้ง iOS และ Android ก็ได้ ทั้งสองวิธีมีขั้นตอนคล้ายๆ กัน คือให้กรอกข้อมูลส่วนตัว เลือกสำนักงานขนส่งที่ต้องการเดินทางไปต่อใบขับขี่ เลือกประเภทของใบขับขี่ เลือกเวลาเข้ารับการอบรมตามที่ต้องการ (บางที่ต้องจองล่วงหน้า 1-2 เดือน บางที่ต้องจองล่วงหน้า 1 สัปดาห์ เมื่อเลือกเรียบร้อยแล้ว ก็จะมีข้อมูลการจอง พร้อมคำแนะนำในการต่อใบขับขี่ขึ้นให้ เมื่อถึงเวลาก็เข้ามาฟังการอบรมแล้วแคปหน้าจอไว้เป็นหลักฐานได้เลย
1.2 จองผ่านทางโทรศัพท์
วิธีนี้อาจไม่ค่อยสะดวกเท่าไร เพราะจะต้องหาเบอร์โทรศัพท์ของสำนักงานขนส่งที่คุณต้องการและโทรไปติดต่อเอง ซึ่งก็อาจจะมีขั้นตอนที่ยุ่งยากมากๆ โดยเฉพาะเรื่องการนัดหมายเพื่อเข้ารับการอบรม
1.3 จองผ่านสำนักงานขนส่งโดยตรง
วิธีนี้จะเหมาะสมก็ต่อเมื่อ บ้านหรือที่ทำงานของคุณอยู่ใกล้สำนักงานขนส่งมากๆ ถึงขนาดที่ขับเข้าไปเพื่อจองคิวด้วยตัวเองได้เลย
2.อยากต่อใบขับขี่ไปยาวๆ อีก 5 ปี ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
สำหรับการทดสอบภาคปฏิบัติสำหรับผู้ที่ใบขับขี่หมดอายุ จะดำเนินการได้ก็ต่อเมื่อผ่านการอบรมแล้วเท่านั้น สำหรับผู้ที่มีใบขับขี่ชนิดชั่วคราว 1 ปี และต้องการจะต่อเป็นใบขับขี่ 5 ปี จะต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
- ได้ใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล รถสามล้อส่วนบุคคล หรือรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลมาแล้ว 1 ปี
- ไม่มีลักษณะต้องห้าม ตาม ม.46 ได้แก่ อายุ 18 ปีขึ้นไป ไม่เคยมีใบขับขี่ประเภทที่ต้องการทำอยู่แล้ว ไม่ได้ถูกยึดหรือเพิกถอนใบขับขี่
- ไม่เคยถูกศาลพิพากษาลงโทษ หรือถูกปรับ 2 ครั้งขึ้นไปในความผิดเกี่ยวกับรถ เช่น ฝ่าฝืนสัญญาณหรือเครื่องหมายจราจร ขับรถขณะเมาสุรา ใช้ความเร็วเกินกฎหมายกำหนด
- ใบขับขี่พึ่งหมดอายุมาไม่เกิน 1 ปี
ถ้าหากมีคุณสมบัติเหล่านี้ครบถ้วน ก็แค่เตรียมใบขับขี่หมดอายุ บัตรประชาชน และใบรับรองแพทย์ พร้อมรับการทดสอบสมรรถภาพร่างกาย ได้แก่ ทดสอบการมองสี ทดสอบสายตาทางลึก-ทางกว้าง และการใช้เบรกเท้า หากผ่านทุกข้อก็ชำร่ค่าธรรมเนียม 505 บาทสำหรับรถยนต์ และ 205 บาทสำหรับจักรยานยนต์ พร้อมถ่ายรูปแล้วรอรับใบขับขี่ในวันนั้นได้ทันที
ในกรณีที่ต้องการต่อใบขับขี่หมดอายุ จาก 5 ปีเป็น 5 ปี ก็เตรียมตัวเช่นเดียวกันทั้งในส่วนของคุณสมบัติ และการทดสอบสมรรถภาพ รวมทั้งค่าธรรมเนียมต่างๆ เหมือนกันหมด เพราะฉะนั้นให้ยึดหลักการเดียวกันได้เลย
3.ถ้าต้องการทำใบขับขี่ต้องมีอายุเท่าไร?
สำหรับคนที่ไม่ได้มีปัญหาเรื่องใบขับขี่หมดอายุ แต่อยากทำใบขับขี่ใหม่เลย กรมการขนส่งทางบกก็ได้กำหนดอายุที่สามารถทำใบขับขี่รถประเภทต่างๆ ดังต่อไปนี้
- รถยนต์และรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล ต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป
- รถจักรยานยนต์ส่วนตัว ที่มีขนาดไม่เกิน 100 CC.ต้องมีอายุ 15 ปีขึ้นไป
- รถจักรยานยนต์สาธารณะ (วินมอเตอร์ไซค์) ต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไป
- รถยนต์และสามล้อสาธารณะ ต้องมีอายุ 22 ปีขึ้นไป
ใครที่ใบขับขี่หมดอายุยังไม่เกิน 1 ปีก็สบายใจได้เลย เพราะขั้นตอนในการต่อใบขับขี่ไม่ได้เป็นเรื่องยากอย่างที่คิด แต่ถ้าหากว่าหมดอายุเกิน 1 ปีไปแล้ว ก็ต้องมาสอบข้อเขียนกันใหม่หมดเลย หรือถ้าใครหมดอายุนานเกินกว่า 3 ปี ก็ต้องมาสอบทุกอย่างใหม่หมด เหมือนยื่นขอทำใบขับขี่กันใหม่เลย เพราะฉะนั้นหมั่นตรวจเช็กใบขับขี่ของคุณแล้วจดบันทึกไว้เลยว่าหมดอายุเมื่อไร จะได้ไม่มีปัญหายุ่งยากตามมาในภายหลัง
อ่านบทความ 10 อันดับ ยางมอเตอร์ไซค์ ยี่ห้อไหนดี 2022 คุ้มค่า เกาะถนนดี