มั่นใจได้เลยว่าใครก็ตามที่เป็นสาวกของมอเตอร์ไซค์แบรนด์ Royal Enfield จะต้องคุ้นเคยกันดีกับ Royal Enfield Classic 350 ที่หลายๆ คนอาจมีไว้ในครอบครองอยู่แล้วด้วย เพราะรถรุ่นนี้ถือว่าเป็นตำนาน มีอายุมาแล้วไม่ต่ำกว่า 120 ปี และได้มีการเอามาพัฒนาพร้อมกับปรับปรุงใหม่ให้ทันสมัยมากขึ้น โดยที่ยังคงความคลาสสิคไว้อยู่ เพราะฉะนั้นเรามาทำความรู้จักกับรถรุ่นนี้ให้มากขึ้นกันในบทความนี้เลย!
ตำนานรถคลาสสิคที่มีอายุมากกว่า 120 ปี
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วในข้างต้นว่า Royal Enfield Classic 350 มีประวัติความเป็นมาที่สืบย้อนไปได้ตั้งแต่ปี 1984 โดยจุดเริ่มต้นอยู่ที่ Royal Enfield ได้ผลิตรถจักรยานยนต์รุ่น Model G2 ขึ้นมา ซึ่งรุ่นนี้มีระบบกันสะเทือนข้างหลังด้วย จึงเพิ่มสมรรถนะให้ดีกว่ารถยี่ห้ออื่นๆ แบบเห็นได้ชัด จึงได้เกิดแรงบันดาลใจให้เกิดรุ่น Classic 350 และ Classic 500 ในเวลาต่อมา และเมื่อมีการเปิดตัวรถรุ่นนี้อย่างเป็นทางการในปี 2008 ก็กลายเป็นว่ารถได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว รวมถึงเป็นการประกาศศักดาของ Royal Enfield ในตลาดมอเตอร์ไซค์อีกครั้ง ทุกวันนี้รุ่น Classic ได้ขายให้คนทั่วโลกไปแล้วไม่น้อยกว่า 3 ล้านคัน และมั่นใจได้เลยว่าจะขายได้ไปเรื่อยๆ อีกยาวนานแน่นอน
รู้จักกับ Royal Enfield Classic 350 ตัวใหม่ ที่ดีและสวยยิ่งกว่าเดิม
ในวาระครบรอบ 120 ปีของแบรนด์รอยัล เอนด์ฟิลด์ มีการประกาศเปิดตัว Royal Enfield Classic 350 ตัวใหม่ที่ได้พัฒนาจากรุ่นเดิมหลายอย่างให้มีสมรรถนะที่ดีขึ้นและทันสมัยมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์แบบ 1 สูบขนาด 349 CC.ที่สามารถระบายความร้อนได้ด้วยอากาศ และยังมีการใช้ระบบหัวฉีดเชื้อเพลิง จึงช่วยในการประหยัดน้ำมันได้มากยิ่งขึ้นด้วย ถึงแม้ว่ารถจะมีกำลังสูงสุดอยู่ที่ 20.2 แรงม้า ซึ่งอาจจะไม่ถูกใจสาวกเครื่องแรงเท่าไรนัก แต่ถ้าเทียบกับความแรงในการทำรอบ เสียงเครื่องยนต์ที่ค่อนข้างเงียบ รวมถึงการขับขี่ที่นุ่มนวล ขี่สนุกทุกครั้งที่ออกเดินทาง เพราะมีการติดตั้งเพลารถที่ช่วยลดการสั่นสะเทือนเข้าไปด้วย ก็อาจทำให้หลายคนติดใจจนต้องจับจองเป็นเจ้าของกันอย่างแน่นอน
ยังไม่หมดเท่านี้ เพราะทางแบรนด์ตั้งใจผลิต Royal Enfield Classic 350 รุ่นใหม่ขึ้นมาในโอกาสพิเศษนี้จริงๆ จึงได้ให้นักออกแบบและวิศวกรทั้งจากอังกฤษที่เป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์นี้ กับชาวอินเดียที่เป็นบริษัทลูกในเอเชีย ร่วมกันคิดโครงสร้างรถขึ้นมาใหม่เป็นพิเศษ โดยเน้นเรื่องของความคล่องตัว ความแข็งแรง รวมถึงการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ซึ่งจะต้องควบคู่ไปกับการยึดเกาะบนถนนด้วยเช่นกันเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันขึ้น จึงได้มีการนำหลัก Aerodynamics มาใช้เพื่อให้ผู้ขับขี่รู้สึกถึงความสบายด้วย จะขี่นานเท่าไรก็ไม่เมื่อย ยิ่งขี่เท่าไรก็ยิ่งได้รับแต่ประสบการณ์ดีๆ ทุกครั้ง
Royal Enfield Classic 350 มีให้เลือกกี่แบบ มีสีอะไรบ้าง?
Royal Enfield Classic 350 มีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 4 แบบ แต่ละแบบก็จะมีสีที่แตกต่างกันออกไป สามารถอธิบายพอสังเขปได้ดังต่อไปนี้
1.Classic Chrome
เป็นรุ่นที่ถือว่าพรีเมียมที่สุด เพราะเน้นใช้สี Chrome หรือสีเงินเป็นหลัก จะขี่ไปทางไหนก็ดูเป็นจุดเด่นไปหมด โดยจับคู่กับสีแดง หรือสีน้ำตาล ราคาของรถรุ่นนี้อยู่ที่ 155,000 บาท
2.Classic Signals
ถ้าคุณชอบรถที่เป็นสีหรือสไตล์ทหารแบบสมัยสงครามโลก ก็ต้องรุ่นนี้เลย เพราะจะเน้นไปทางสีเขียวขี้มาและสีน้ำตาลแบบด้านๆ ขี่ไปไหนใครก็ต้องเข้าใจว่าคุณเป็นทหารหนุ่มรูปหล่อจากต่างประเทศ จุดเด่นอยู่ที่ตัวเลขบนถังน้ำมันรถ ซึ่งจะเป็นโค้ดไม่ซ้ำกัน ราคาอยู่ที่ 147,000 บาท
3.Dark Series
ถ้าคุณเป็นคนชอบ Royal Enfield Classic 350 ที่เป็นโทนสีเข้มๆ ดาร์กๆ ก็ต้องรุ่นนี้ เพราะมาในแบบดำด้าน และสีเทาด้าน เหมาะสำหรับใช้ขับขี่ภายในเมือง รวมถึงการใช้ชีวิตในยามราตรี เพราะจะช่วยทำให้คุณดูน่าค้นหามากขึ้น ราคาเพียง 154,000 บาท
4.Halcyon Series
รุ่นนี้จะเป็นการจำลองรุ่นคลาสสิกที่เคยขายออกมาเลย สีเลยออกจะดูวินเทจหรือโบราณๆ มีให้เลือก 3 สี คือสีเขียว สีเทา และสีดำ ดูๆ แล้วก็เท่ไม่เหมือนใคร ราคาอยู่ที่ 139,000 บาท
ถ้าคุณคือคนที่หลงใหลใน Royal Enfield Classic 350 มานานแล้ว แต่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะซื้อแบบไหนดี ลองมาพิจารณาดูจากบทความนี้ก่อน แล้วค่อยไปดูและไปลองขับของจริงที่โชว์รูมก่อนตัดสินใจอีกครั้ง ก็จะช่วยให้คุณเลือกรถที่ตอบโจทย์และบ่งบอกความเป็นคุณได้มากที่สุด
อ่านบทความ 5 อันดับ มอเตอร์ไซค์คลาสสิค ราคาไม่แพง ยี่ห้อไหนดี
Credit : ที่พัก , เสริมสวย , สัตว์เลี้ยง , ต้นไม้ , แฟชั่นผู้หญิง , เครื่องสำอาง